Home ข้อคิด (เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) จงเลี้ยงลูกแบบคนจน

(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) จงเลี้ยงลูกแบบคนจน

3 second read
0
0
26
(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) จงเลี้ยงลูกแบบคนจน

(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) จงเลี้ยงลูกแบบคนจน

ในวันนั้น ผมได้พาลูกไปร้าน เครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ลูกของผมอย ากได้กล่องดินสอ มองหน้าพ่อแล้วบอกว่า อย ากได้แบบนี้แบบนี้ ลูกของผมเลือกแบบหรูหรา แต่ผมให้ซื้อแ ค่แบบธรรมดาที่ใช้งานได้เหมือนกัน ลูกทำหน้างอทันที ร้องอย ากได้ไม้บรรทัด

ก็อย ากได้แบบสวยงาม แต่ผมก็ให้เลือกแบบแค่พื้นฐา นใช้งานได้เหมือนกันเพียงเท่านั้น ลูกก็ทำหน้าหงิกหน้างอเข้าไปอีก ผมไม่ได้ว่าอะไร ตั้งใจก่อนนอนคืนนี้ จะชี้แนะลูกด้วยการ เล่านิทานเปรียบเปรย ให้เข้าใจหลังจากได้เป็นพ่อคนแล้ว

ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกไม่ให้เหมือน แบบที่ชาวเอเชียเขานิยมทำกัน ที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงมเกินพอดี หลายปีผ่ านไป ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูก ของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวัน จนกระทั้งวันหนึ่ง

ผมได้ อ่ า น จดหมายเปิดผนึก ฉ บับหนึ่งที่โพสต์ลง ในบอร์ดของมหาวิทย าลัยนานกิง จดหมายจากผู้ใช้นานว่า พ่อผู้ข มขื่ น เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทย าลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามาก

ในสายตาของผม ถึงลูกรักของ พ่อแม้ลูกจะทำให้พ่อ ทุ ก ข์ ใจเกินบรรย ายแต่ลูกก็ยังเป็น ลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำ หลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทย าลัยได้แล้ว อาจเป็นเพียงคนเดียว ของตระก ูลเราในรอบหลายชั่ วอายุคนที่ทำได้สำเร็จ

หลังจากนั้นพ่อชักไม่แน่ใจ ว่าตกลงใครเป็นพ่อ และใครเป็นลูกกันแน่ ต่อมลูกหมากของผมลดลง 3 เท่า เมื่อลองทำวิธี รั ก ษ า วิธีนี้ พ่อช่วยแบกสัมภาระไปส่งลูกถึงหอพัก ช่วยกางมุ้ง ปูที่นอนซื้อกับข้าวกับปลา ต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบ ย า สี ฟั น

ออกจากหลอด ทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่ พ่อสมควรต้องทำให้ ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณ สักคำจากลูกตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พ่อผู้ด้อย ความสามารถคนนี้มีโอกาส ได้รับใช้ลูกทูนหัว ที่บัดนี้ได้เป็น

นักศึกษาผู้ทรง เกียรติไปแล้วปีแรกทั้งปี ที่บ้านได้รับ จดหมายจากลูกสามฉบับ ข้อความรวมกันแล้วอาจ ย า ว กว่าข้อความใน โทรเลขหนึ่งฉบับสักหน่อย ข้อความย่นย่อ ลายมือหวัด อ่ า น ย าก มีแต่คำว่า เงิน นี่ตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุด

พอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ๆ ล้วนขอเงินเพิ่ม ลีลาการเร่งเร้าให้ส่งเงิน ข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า หากเรียนจบแล้ว ลูกสามารถไปยึดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้า ที่เร่งรัดหนี้สินได้เยี่ยมแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้พ่อ เ จ็ บ ป ว ด ที่สุดนั้น

มาจากการที่ ลูกอาจหาญถึงขั้นปลอมแปลง ตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ค่าหน่วยกิตของมหาวิทย าลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้ มาหลอกลวงเงินทองจากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอด เพียงเพื่ออย ากได้เงินเพิ่ม

ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ และร้องคาราโอเกะ คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ เ จ็ บ ป ว ด เมื่อนั้น นอนไม่หลับ จนกลายเป็น โ ร ค ซึ ม เ ศ ร้ า สาเหตุก็ม าจากลูก คนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับกลายเป็น คนแปลกหน้าในร่างของนักศึกษา

ขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่างๆ ที่ลูกจะเรียนรู้ จากสถาบันการศึกษาแล้ว ลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจ ให้เป็นคนซื่อสัตย์ และกตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หลังจากได้ อ่ า น จดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้อง เดินหน้าทำตามนโยบาย

ในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบากในสังคม ของเรามีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ ายไปออสเตรเลีย กลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน เขาเล่าว่า คนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือ ในพระเจ้าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น

ก็คือ วิธีการเลี้ยงลูกแบบ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน พวกเขาเชื่อว่า เ ด็ ก ที่เติบโตขึ้นมาภายใต้ การดูแลปกป้องมากไปของพ่อแม่ เมื่อโตแล้วจะไม่มีปัญญาที่สามารถ ยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น แม้กระทั่งพ่อแม่

ตนก็ตามวันถัดมาเรามีโอกาส ออกไปทำธุระด้วยกัน เจอฝนระหว่างทางเขาเห็น เ ด็ ก น้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้านว ม อ ย่ า ง หนากลมไปหมด ทั้งตัวจนดูคล้าย ลูกบอลยัดนุ่น เขาบอกว่า เ ด็ ก ควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย เขาเล่าว่าในออสเตรเลีย

แม้หน้าหนา วก็จะไม่เห็น เ ด็ ก ที่ถูกห่อแบบ ลูกบอลยัดนุ่น เหมือนที่เห็น หรือในวันแดดจ้า แม้ เ ด็ ก จะนั่งอยู่ในรถเข็น เ ด็ ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง ไม่ยอมดึงที่บังแดด ออกมากันแดดให้ลูก เ ด็ ก ที่วิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ

ให้ลูกลุกขึ้น มาด้วยตัวเขาเอง ต่างๆ นาๆ ล้วน พ ย า ย า ม ให้ลูกฝึกช่วยตัวเอง และอดทนให้มากที่สุด ธรรมเนียมของครอบครัว ชาวเอเชีย อ ย่ า ง พวกเรา หลักการที่ยึด ติ ด มานานกับนโยบายที่ว่า จะย ากจนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก สงสัย

จะถึงเวลาต้อง ทบทวนกันใหม่ได้แล้ว การเลี้ยงลูกของสัตว์ ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็ก และอ่อนแอ บางชนิดอมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ปลอ ด ภั ย แต่พอลูกเริ่มโต ได้ที่แล้วพวกเ ขาจะไล่ลูกออกไป อ ย่ า ง ไร้เยื่อใย

ให้ลูกไปเผชิญกับ โลกภายนอกเอง ไปฝึกวิท ย า ยุทธเอง ไปเผชิญปัญหา และมรสุมทุกรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่า แม้แต่ สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการฆ่ าลูกแบบเลื อ ดเย็นจะรวยแค่ไหน

ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ด้วยวิธีนี้จะบังคับให้ลูกๆ ทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บ นลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณ คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วย วิธีปกป้องหรือโอ๋ลูก ขนาดไหนก็ตาม

คุณคงไม่มีปัญญาตามไปวุ่นวาย หรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา เพราะตอนนั้นคงได้เวลา ที่คุณจะได้หลับ ย า ว ไปแล้ว

ขอขอบคุณที่มา ขจรศักดิ์, verrysmilejung

Check Also

ท่านอนของคุณ บ่งบอกนิสัยของคุณได้

ท่านอนของคุณ บ่งบอกนิสัยของคุณได้ 1 ท่านอนหงาย   ถ … …