Home ข้อคิด ขายดีจนเจ๊ง ต่อคิวทำขายแทบไม่ทัน แต่เจ๊ง

ขายดีจนเจ๊ง ต่อคิวทำขายแทบไม่ทัน แต่เจ๊ง

3 second read
0
0
571
ขายดีจนเจ๊ง ต่อคิวทำขายแทบไม่ทัน แต่เจ๊ง

ขายดีจนเจ๊ง ต่อคิวทำขายแทบไม่ทัน แต่เจ๊ง

สั ง ค มแห่งการแก่งแย่งชิงดี มีให้เห็นอยู่มากมายรอบตัวในยุคปัจจุบัน ยุคที่ทุกคนต่างเห็นผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม หรือเรียกสั้นๆว่าเห็นแก่ตัว มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เปรียบเทียบไว้ว่า

เรื่องเล่าปั้มน้ำมันร้างมีอยู่ว่า

คนไ ท ยคนแรกเดินทางมาถึงหม ู่บ้านห่างไกล แถวนี้มีถนนตัด ผ่ า น รถสัญจรไปมามากมาย แต่ไม่มีปั้มน้ำมันเลย จึงตัดสินใจลงทุนเปิดปั๊มน้ำมัน ไม่นานนักก็มีลูกค้าเยอะตามคาด

คนที่สองเดินทางมาเห็นปั๊มน้ำมันมีลูกค้าเข้าใช้เยอะดี ก็เลยตัดสิ้นใจเปิดปั้มที่ฝั่งตรงกันข้ามถนน เพื่อเรียกลูกค้าอีกฝั่ง

คนที่สามเดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมัน ท่าทางจะไปได้ดี ก็เปิดบ้าง แต่ไปเปิดดักหน้าปั้มที่เปิดอยู่ก่อน

คนที่สี่เดินทางมาถึง เห็นธุรกิจปั้มน้ำมันไปได้ดี ก็เลยตัดสินใจเปิดปั๊มน้ำมัน แต่ต้องการแย่งลูกค้าเลยเปิดดักหน้าปั้มที่สาม แล้วก็ลดราคาน้ำมันลงอีกด้วย เพื่อตัดราคา

คนที่ห้าเดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมันกันเยอะแยะก็เอาบ้าง แล้วมีการลดแลกแจกแถมเพื่อดึงดูดลูกค้า

คนที่หกคนที่เจ็ดเดินทางมาถึงก็พากันแห่เปิดปั๊มน้ำมัน ผลสุดท้ายลดแลกแจกแถมแล้วไม่คุ้มทุน ตลาดเสียหายทุกรายเจ๊งกันหมดกลายเป็นปั๊มร้าง หม ู่บ้านก็กลับคืนสู่ความเงียบเหงาเหมือนเดิม

เห็นใครขายอะไรได้ดี ทำอะไรกำไรงาม ก็พากันไปขายแข่ง นี่แหละสาเหตุ ขายดีจนเจ๊งแต่

มีชาย ญี่  ปุ่ นคนแรกเดินทางมามาถึงหม ู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ยังไม่มีปั้มน้ำมันจึงลองเปิดปั๊มน้ำมันในถนนเส้นนี้ ปรากฏว่ามีลูกค้าเยอะแยะคนที่สองเดินทางมาเห็นมีคนเข้ามาเติมน้ำมันกันอย่ าคับคั่ง คิดว่าน่าจะมีคนที่อ ย า กทานข้าวด้วยแน่ จึงเปิดร้านอาหาร ธุรกิจก็เป็นไปด้วยดี

คนที่สามเดินทางมาเห็นปั๊มน้ำมันผู้คนหลากหลาย ร้านอาหารก็มีลูกค้ามากมาย คิดว่าน่าจะมีคนต้องการพักผ่อนระหว่างเดินทาง จึงเปิดธุรกิจโรงแรม

คนที่สี่เดินทางมา เห็นผู้คนหลากหลาย มีทั้งเติมน้ำมัน มีทั้งร้านอาหาร มีทั้งที่พัก จึงคิดว่าน่าจะมีร้านสะดวกซื้อด้วย เผื่อคนเดินทางมีอะไรขาดเหลือ

คนที่ห้าคนที่หกเดินทางทางมา อ ย่ า งต่อเนื่อง จากหม ู่บ้านเล็กๆ ก็กลายเป็นเมื่องที่กำลังเฟื่องฟู ทุกคนต่างก็ร่ำรวย มีงานมีการทำกันถ้วนหน้า

ไม่ได้ว่าสังคมเราไม่ดี หรือต้องการดูถูกกันเองแต่อ ย า กลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆธุรกิจที่ดีไม่ได้อยู่ที่คุณชนะคู่แข่งได้มากเท่าไหร่แต่อยู่ที่เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่แก่งแย่ง ไม่เอาเปรียบไม่ตัดกำลัง ไม่ตัดราคากัน สุดท้ายอยู่ไม่ได้ทั้งสองฝ่ายแต่ขึ้นอยู่กับว่า สามารถยืนระยะได้นานเท่าไรเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมมากที่สุดได้ช่วยเหลือผู้คนให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นได้มากเท่าไหร่ต่างหากด้วยแนวคิดนี้สินค้าท้องถิ่นในประเทศ ญี่ ปุ่ นจึงประสบความสำเร็จอันดับต้นๆของโลก

หากใครเคยได้ไปเที่ยวจะเห็นได้ว่าในแต่ละท้องถิ่นสินค้าไม่มีซ้ำกันเลย มีขายเฉพาะท้องถิ่นตัวเองหันมามองที่บ้านเรา ที่ริมถนนสายหลักจะเต็มไปด้วยโรตีสายไหม ปลาเ ผ า ไก่ ย่ า ง สินค้าอื่นๆที่เห็นว่าขายดีทุกๆ ร้าน จะนำมาขายเหมือนกันหมด เพื่อแย่งลูกค้ากันไม่แปลกที่แรกๆจะขายดี แต่พอมาขายแข่งกันมากขึ้นมีคนขายมากกว่าคนซื้อ แย่งลูกค้ากัน ก็ต้องเจ๊งกันไปตามระเบียบของเหลือ เอามาขายซ้ำ คุณภาพแย่ลง ลูกค้าก็ไม่กล้าอุดหนุนสุดท้ายถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิกกิจการ หันไปเป็นลูกจ้างแทน

ขายที่ดิน ขายมรดก บรรพบุรุษ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณภาพของประชาชน ที่เอาแต่แข่งกันโดยที่ไม่สนใจคู่แข่งแข่งขันกันเองแล้วต้องเลิกกิจการไปในที่สุด น่าคิดนะครับ

ขอขอบคุณที่มา สมาชิกพันทิพ คุณ ทองเนื้อเก้า bitcoretech

Check Also

คุณว่าผู้หญิงคนไหนแก่ที่สุด จะบอกลักษณะคนทายได้

คุณว่าผู้หญิงคนไหนแก่ที่สุด จะบอกลักษณะคนทายได้ เลือกหม … …