Home ข้อคิด จบไม่ตรงสาย ก็ทำงานที่ตัวเองชอบได้

จบไม่ตรงสาย ก็ทำงานที่ตัวเองชอบได้

4 second read
0
0
158
จบไม่ตรงสาย ก็ทำงานที่ตัวเองชอบได้

จบไม่ตรงสาย ก็ทำงานที่ตัวเองชอบได้

ตอนที่ยังเป็น เ ด็ กนักเรียน หลายคนต่างเชื่อเสมอว่าถ้าได้ตั้งใจเรียน สอบติดคณะที่ใช่ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี เงินเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ใครก็รู้จักเช่น ข้าราชการ วิศวกรนักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะนอกจากเงินเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนมากพอที่จะจุนเจือครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่ถือว่า มีหน้ามีตา ใครก็ต้อนรับกันหมดแต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว อาชีพที่ มีหน้ามีตา ในสังคม ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไปและในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจำกัดน่ะสิ

แล้วจะเรียนไปทำไม ถ้าสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย งานที่น้อยคนจะรู้จัก เงินเดือนที่ไม่ได้มากมายอะไร คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลยเพราะมันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่คิดว่าเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่ างในชีวิต แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นความคิด ฉันทำงานอะไรก็ได้ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม มันอาจดูประโยคข ี้แพ้ในสายตาบางคนแต่ถ้าคิด ๆ ดูแล้ว มันได้ความสบายใจ เยอะกว่าการตั้งคำถามแบบแรกเพราะความเป็นจริงของชีวิตคือ

1 มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง แตกต่าง กันไปเราไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนกันหมด

2 แม้แต่ในคนเดียวกัน ยังมีความสามารถที่หลากหลาย เช่นเป็น ห ม อ แต่ก็เล่นดนตรีเก่งทำ อาหารเก่งเป็นศิลปินแต่ก็คำนวณเก่ง ขับรถเก่ง

3 สิ่งที่เรา เก่ง ไม่จำเป็นต้องออกมาในรูปแบบวิชาชีพเช่นห ม อวิศวกร พ ย า บ า ล มันอาจเป็นพรสวรรค์ก็ได้ เป็นความรู้อะไรก็ได้ที่เราเอาจริงกับมัน เช่นการทำ อ า ห า รการจัดสวน การออกแบบ ไม่อย่ างงั้น เราคงไม่เห็นนักธุรกิจหน้าใหม่หลายคนผุดขึ้นเป็น ด อ กเห็ดหรอก

4 สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ การหล่อหลอม หลายวิชาไม่ได้สอนเราทางตรง แต่ให้เราค่อย ๆ ซึมซับข้อดีแต่อย่ างไปเอง เช่น ฝึกความอดทน, ฝึกความประณีตฝึกทักษะการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อยมันก็ต้องมีบ้างแหละที่เรานึกอะไรขึ้นมาจนต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นตำราอีกครั้งทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่เรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ

5 ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งแค่ไหนขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องรู้เห็นอีกมากเรียนรู้กันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกเยอะดังนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์ต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาต้องทำงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

6 มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ ใช่ค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับตัวไป สิ่งที่เรากำลังสนุกในตอนนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุดสิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ ในวันข้างหน้า มันอาจเป็นเพียงแค่ความทรงจำเพราะอาจมีหลายปัจจัยให้คิดมากขึ้น เช่น จำเป็นต้องพับโครงการเรียนต่อเอาไว้เพราะเงินไม่พอจำเป็นต้องทำงานหาเงินก่อน แล้วค่อยไปเรียนศิลปะที่เราชอบเราต้องดูจังหวะของชีวิตด้วยความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง

7 มนุษย์เราควรมีทางเลือกให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ มีแผนสำรองเพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองจนเกินไป เช่น ถ้าวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อนถ้าเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆ ก่อนความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันทีมันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่ต้องแลกกับความเหนื่อยความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่ างใดหากจะพบว่าทำไมห มอบางคนถึงแต่งเพลงได้

ทำไมบางคนเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นศิลปินทำไมบางคนเรียนไม่จบแต่ประสบความสำเร็จถ้ายังไม่เข้าในในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 6 อีกรอบขึ้นชื่อว่าความรู้ เราได้รับมาถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า “ความฝัน” ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วน ๆ ว่ารู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่และ “พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่าอย่ าลืมว่าโลกเรากลม และมีหลายมิติ ใช่ว่าจะต้องมองเพียงด้านเดียว

ขอขอบคุณที่มา ทำใจ chanisara

Check Also

คุณว่าผู้หญิงคนไหนแก่ที่สุด จะบอกลักษณะคนทายได้

คุณว่าผู้หญิงคนไหนแก่ที่สุด จะบอกลักษณะคนทายได้ เลือกหม … …