7 เทคนิค การเลี้ยงดูลูกให้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
1 ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง
เพื่อเป็นพื้นฐาน ทักษะอื่นต่อไป เพราะการที่ เ ด็ ก สามารถช่วยเหลือ
ตนเองได้ และลดการพึ่งพาคนอื่น จะทำให้ เ ด็ ก เกิดความมั่นใจ ในตัวเอง
ลดความกังวล และพร้อมที่จะเรียนรู้ ทักษะอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
2 ฝึกลูกช่วยงานบ้าน
เริ่มได้ตั้งแต่เล็ก โดยส่วนใหญ่ เ ด็ กวัย 2 ขวบ เริ่มฟังและเข้าใจ คำสั่งง่ายๆ
ดังนั้นเราควรฝึกลูก ให้ช่วยงานบ้านขั้นพื้นฐาน เช่น เก็บของเล่นหลัง เล่นเสร็จแล้ว
นำเสื้อผ้าที่ สวมแล้วไปใส่ตะกร้า เป็นต้น การให้ลูกช่วยงานบ้าน โดยเริ่มจาก
สิ่งที่เขาควร ต้องรับผิดชอบเอง ทำให้ เ ด็ ก ได้เรียนรู้เรื่อง หน้าที่ของตนเอง
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ต่อการใช้ชีวิตในสังคม เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ค่อยเพิ่มหน้าที่ภายใน
บ้านให้เหมาะสมกับวัย ลูกก็จะเรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่ตนทำมีผลกระทบต่อคน
รอบข้าง อ ย่ า ง ไร นับเป็นจุดเริ่มต้นของ การเอาใจเขาใส่ใจเรา
3 ฝึกระเบียบวินัย
เพื่อเป็นทักษะ การควบคุมตนเอง และยับยั้งชั่งใจให้แก่ลูก นับเป็นพื้นฐาน
การทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ ในชีวิตประจำวันซึ่ง สามารถทำได้ตั้งแต่เล็กๆ
เช่น การตื่นนอน และเข้านอนให้เป็นเวลา รับประทานอาหารเป็นเวลา
การเก็บของเล่นให้ เป็นที่เป็นทางหลังเล่นเสร็จแล้ว ไม่รับประทาน
ขนมหรืออาหาร ในห้องนอน เป็นต้น
4 การพาลูกพบคนหลากหลาย
เป็นการฝึกให้ลูกมี ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเข้าใจสังคมมากขึ้น คือทำให้เขาเห็นว่า
ในโลกนี้มีคนที่ แตกต่างหลากหลาย ทั้งสีผิว เ ชื้ อ ชาติ ภาษา และความคิด
ซึ่งสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป การพาลูกออก เดินทางท่องเที่ยว
ได้เห็นวิถีชีวิต ผู้คนที่แตกต่าง พร้อมกับคำชี้แนะที่เหมาะสม จะทำให้
ลูกเข้าใจ ความเป็นไป ของโลกใบนี้ได้ดีขึ้น
5 สอนเรื่องอารมณ์ต่างๆ
พ่อแม่มักให้ความสำคัญ กับการสอนลูกให้ เป็นเลิศในด้านวิชาการ สอนเรื่อง ม า ร ย า ท
กฎระเบียบ แต่กลับลืม เรื่องการรับมือกับ อารมณ์ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่ม
ต้นสอนให้ลูก รู้จักอารมณ์ต่างๆ ของตน ด้วยการเอ่ยชื่ออารมณ์นั้นๆ เมื่อลูกแสดงออกมา
เช่น เมื่อลูกร้องไห้ ที่ไม่ได้ของเล่น อาจบอกลูกว่า แม่รู้ว่าลูกกำลังเสียใจ ที่ไม่ได้ของเล่น
หรือเมื่อลูกโกรธที่ถูก แย่งขนมต้องบอกว่า ลูกกำลังโกรธใช่ไหม แต่แม่ อ ย า ก ให้
ลูกหายใจลึกๆ ใจเย็นๆ การสอนเช่นนี้ จะช่วยทำให้ลูก เรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์
ของตนเมื่อโตขึ้น และไม่นำอารมณ์ ของตนเอง มาเป็นข้ออ้างในการทำ ร้ า ย คนอื่น
6 สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า
สำหรับ เ ด็ ก เล็ก โลกของเขายัง ไม่กว้างใหญ่มากนัก การเล่าเรื่องราวต่างๆ
จากนิทาน หรือเกร็ด ประวัติศาสตร์ อ ย่ า ง ง่ายๆ เกี่ยวกับบุคคลที่ ทำเพื่อผู้อื่น
จะช่วยให้ลูกเข้าใจเรื่อง การช่วยเหลือกันในสังคมได้ดีขึ้น คนเป็นพ่อแม่อาจ
ถามลูกว่า หากเหตุการณ์ อ ย่ า ง ในนิทานเกิดขึ้นกับลูก ลูกจะทำ อ ย่ า ง ไร
ลองฟัง คำตอบของลูก แล้วชื่นชมหรือตั้งคำถาม เพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูก
หลีกเลี่ยงที่ จะวิจารณ์และตัดสินว่า คำตอบของ ลูกถูกหรือผิด เพื่อให้ลูกได้ฝึก
คิดด้วยตนเอง โดยมีพ่อแม่เป็นผู้ชี้นำ แนวทางที่เหมาะสม
7 สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา
บ่อยครั้งที่ ลูกทำผิดพลาด พ่อแม่หลายคนจะใช้ วิธีตำหนิหรือดุลูก
เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดอีก ซึ่งจะทำให้ เ ด็ ก คิดว่า การทำผิดเป็น เรื่องใหญ่
และกลัวที่จะทำผิด หรือจะปกปิดความคิดของ ตนเองโดยการโกหก
ดังนั้น พ่อแม่ควรรู้จักให้ อ ภั ย ลูกแล้วชวนลูก แก้ไขปัญหา หลังจากที่เกิด
ข้อผิดพลาด เช่น เ ด็ ก วิ่งแล้วทำน้ำหก พ่อแม่ควรฝึกให้ เ ด็ ก รับผิดชอบ
ในสิ่งที่ทำ คือ เช็ดน้ำและเก็บแก้วให้เป็นที่ หลังจากนั้นชวนให้ลูกคิดว่า
ครั้งหน้าต้องระวัง อ ย่ า ง ไร ให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นอกจากเรื่องที่แม่
ต้องสอนลูกแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในครอบครัวก็ ต้องเป็นต้นแบบ
หรือแบบอย่ างที่ดีให้แก่ เ ด็ ก เพราะการเห็นแบบอย่ างที่ดี จะทำให้ เ ด็ ก สามารถ
จดจำการทำดี ได้มากกว่า การใช้เพียงคำพูด การเลี้ยงลูกต้องใช้ความอดทน
ความเข้าใจเป็นสำคัญนะคะ กว่าที่ลูกจะรู้เรื่อง และทำตามในสิ่งดีๆ ก็ต้องใช้เวลา
ฝึกฝน ปฏิบัติเป็นประจำ หากพ่อแม่หมั่น อบรมสั่งสอน และเอาใจใส่เสมอ
ลูกก็จะเติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่ดี อ ย่ า ง แน่นอน
ขอขอบคุณที่มา พญ. ถิรพร ตั้งจิตพร จิตแพทย์ เ ด็ ก และวัยรุ่น สถาบันสุขภาพ เ ด็ ก แห่งชาติมหาราชินี, aanplearn