Home ข้อคิด 5 ประเภท ของคนที่ถ้าไม่ยอมปรับตัว มีแววตกงานแน่นอน

5 ประเภท ของคนที่ถ้าไม่ยอมปรับตัว มีแววตกงานแน่นอน

10 second read
0
0
488
5 ประเภท ของคนที่ถ้าไม่ยอมปรับตัว มีแววตกงานแน่นอน

5 ประเภท ของคนที่ถ้าไม่ยอมปรับตัว มีแววตกงานแน่นอน

1 คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

หลายคนชอบงาน ที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆทุกวัน เพราะไม่ต้องคิดอะไร มากมายให้ป ว ด หั ว

หรืองานง่ายๆที่อาศัยการ จับวางไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์ หรือการตัดสินใจอะไรมากมาย

เป็นการทำงานแบบหุ่ นย นต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจเ ท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่

ด้วยหุ่ นย น ต์เพราะหุ่ นย น ต์ ไม่เคยหยุดทำงาน ไม่อู้งาน ไม่ต้องพักกินข้าว

หรือเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือน หรือขอสวั ส ดิกา รอะไรเพิ่ม แถมปัญหา ก็น้อยลงตามไปด้วย

2 คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า

ยกตัวอย่ างเช่น นายดำและ นายแดง ได้เข้าไปฝึกงาน ที่บริษัทแห่งหนึ่ง

และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2ไปศึกษา

ดูงานที่สำนักต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี โดยจะได้รับ เงินเดือนแค่ครึ่งเดียว

และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นายดำรู้สึกว่าเงินเดือนที่ ได้นั้นมันน้อยเกินไป

และยังต้องลำบาก ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เพื่อนฝูงก็ไม่มีสักคน

เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ไป ในขณะที่นายแดง ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่างประเทศ

เพราะคิดว่าได้ไปเพื่อหา ประสบการณ์ก็คุ้มค่าแล้ว แถมยังได้เงินเดือนอีก

ตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อเวลาผ่ านไป 2 ปี นายดำยังคงทำงาน ที่ตำแหน่งเดิม เงินเดือน

ขยับขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่นายแดง ได้กลับมาเป็นหัวหน้า คนใหม่ของบริษัท

และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านายดำ ถึง 5เท่า และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่า

นายดำตัดสินใจผิดพลาด หรือนายแดงตัดสินใจถูกแต่ อย่ างใดนะ แต่เป็นเพราะว่า

ทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับตัวเองใน มุมมองของตัวเอง แต่เมื่อ เวลาผ่ านไป

ทุกอย่ างจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้า ได้มากน้อยแค่ไหน

3 คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น

มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง กำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คน

ก่อนรับเข้าทำงาน ทางบริษัทจึงได้ให้เงินจำนวน 75 บาท แก่ผู้สมัครงานทั้ง6 คน

เพื่อให้นำเงินนั้นไปซื้อข้าว กินด้วยกันในงบที่ให้ไป แต่เมื่อไปถึงร้านข้าวจานหนึ่ง

อย่ างต่ำก็ 15 บาทแล้ว และเงินที่ให้มานั้นไม่พอที่จะ ซื้อข้าวคนละจานได้แน่ๆ

พนักงานเหล่านั้น จึงพากันกลับไปที่บริษัท และเมื่อไปถึงบริษัท ประธานรู้เข้าว่า

พวกเขากลับมา มือเปล่าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณ

เข้าทำงานไม่ได้จริง ๆ พวกคุณไม่เหมาะ กับบริษัทของเรา เหตุผลก็เพราะว่า

รานอ าหา รร้านนั้น มีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรืออ่าน

รายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ และถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น ก็ยังสามารถ

ซื้อข้าวมา 5 จาน แล้วแบ่งใส่เพิ่มอีก 1 จานก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่า

มาด้วยกันจึง ไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง หากเข้ามาอยู่ในองค์กร

ก็จะไม่รู้จักการทำงาน เป็นทีมและนั่นก็คงไม่ต่างกับ การทำงานแบบหุ่ น ย นต์

4 ไม่หาความรู้เพิ่มเติม

โดยเฉลี่ยปกติแล้ว คนเราจะใช้เวลาทำงานวันละ ประมาณ 8 ชั่ วโมง ซึ่งมีคนรู้จัก

ที่ได้ทำงานอยู่ ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือการเช็ค จำนวนสินค้าในคลัง

ซึ่งเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้อง ใช้ทักษะอะไรมากมาย หรือเสี่ ยงที่จะถูกหุ่ นย นต์

มาทดแทนที่ในอนาคต แต่ในการทำงานปีแรก ของเขามีของที่ถูกส่งมา

เป็นจำนวนมาก และหลังเลิกงานเขาจะใช้เวลา ในการค้นหาข้อมูล

เพิ่มเติม และเขาก็ได้ค้น พบว่าของบางอย่ างเป็นที่ต้องการ ในตลาดอย่ างมาก

และด้วยความที่ เขาทำงานในแว ด ว ง นี้ ทำให้เขาหาแหล่ง ผลิตที่ได้ต้นทุน

ในราคาถูกลง จากนั้นเขาก็เริ่มสั่ง สินค้ามาขายในออนไลน์ และก็ยังคงทำงาน

ในโกดังเหมือนเดิม พอเวลาผ่ านไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์ ของเขาเติบโต

อย่ างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี เขาก็สามารถเปิด กิจการเป็นของ ตัวเองได้

นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่ วโมง เขายังคงทำงาน และเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่

แต กต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้ นอกเหนือจาก 8ชั่ วโมงในเวลาทำงานเลย

จึงทำให้เขา เติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น ๆและด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ต

สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และยังเป็นแหล่งหา ความรู้เพิ่มเติมได้ทุกๆ

วัน นั่นเอง อะไรมันก็เลย ดูง่ายขึ้นด้วย

5 คนที่ไม่รู้จักวิธีการล งทุ นในตัวเอง

หลายคนมักจะถูกสอน ให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก

แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงิน สร้างรายได้ให้มากขึ้น หากเราใช้เวลา1 ปี

เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน เท่ากับว่า 10 ปี เราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน แต่แบบนั้น

มันไม่ได้เรียกว่า คุณเก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บเงิน

ให้ได้จำนวน 1 ล้านบาท ในขณะที่บางคนอาจจะหา เงินล้านได้ภายใน

ปีเดียวดังนั้น สิ่งที่สำคัญใน การนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการ

ที่เรารู้จักลงทุน กับตัวเองให้ถูกทาง คุณก็จะได้กลับคืนมามากกว่า นั้นหลายเท่าตัว

บางคนจ่ายเงินเพื่อ ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย จนมีไอเดียและช่องทาง

ที่จะทำธุรกิจ ขายอาหารเสริมสำหรับคนรักสุขภาพ หรือเปิดยิมเป็นของตัวเอง

แถมยังมีลูกค้าที่เจอ ในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกาย อีกบางคนจ่ายเงินเพื่อ

ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้เห็นธุรกิจใหม่ๆ

ที่ต่างประเทศที่ไม่มี ในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อยอด ที่บ้านตัวเองเวลา

จะช่วยบอกเองว่า เงินที่คุณลงทุนไป กับตัวเองนั้น มันทำให้คุณได้ อะไรกลับมาบ้าง

และมันทำให้คุณมีคุณค่า เพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า

และมันจะเป็นการล งทุ น ที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ

แต่มันก็จะให้ ประสบการณ์ที่หาซื้อที่ไหน ไม่ได้กับคุณอยู่ดี

ขอขอบคุณที่มา p o s t n o n a m e, verrysmilejung

Check Also

ท่านอนของคุณ บ่งบอกนิสัยของคุณได้

ท่านอนของคุณ บ่งบอกนิสัยของคุณได้ 1 ท่านอนหงาย   ถ … …