ไม่ปรับตัวอยู่ยากแน่ๆ ในยุคที่เศรษฐกิจแบบนี้
1 รู้จักประมาณตนในการใช้จ่าย
ก่อนที่จะควักเงินออก จากกระเป๋าแต่ละที ควรคิดให้ดีดีก่อนครับ
ว่าสิ่งที่เรากำลังจะ แลกมานั้นมันมีความ จำเป็นมากน้อยเพียงใด
ถ้าสิ่งที่เกี่ยวกับ เรื่องปากท้อง อ ย่ า ง ข้าว ส า ร อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ น้ำดื่ม ฯลฯ
ของแบบนี้เป็น สิ่งที่จำเป็นในการดำรง ชีพหลายครอบครัว
อาจไว้จะมีซื้อมาตุน ไว้ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี แต่ระวังของหมดอายุ ด้วยนะครับ
ส่วนสิ่งของ ที่เป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า สินค้าไอทีต่างๆ
พวกนี้อาจจะต้อง คิดสักหน่อยก่อนซื้อ เพราะบาง อ ย่ า ง ก็อาจจะไม่จำเป็น
2 นำของเก่ามาทำเป็นของใหม่
ต่อเนื่องจากข้อแรกครับ ที่บอกว่า ให้ซื้อแต่สิ่งที่จำเป็น สำรวจดู
ในบ้านบ้างครับว่า สิ่งของชิ้นไหนที่ยังพอใช้ ได้แต่สภาพเก่าไปบ้าง
ก็ไม่เป็นไร นำมาซ่อมแซม หรือดัดแปลงให้มันใช้งาน ได้หลากหลายขึ้น
จะช่วยให้เรา ประหยัดไม่ต้องเปลืองตังค์ซื้อ แถมยังได้ของใหม่ ที่ทำขึ้นเองด้วยครับ
3 หันมาผลิตเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน
หากที่บ้านไหนมีพื้นที่ว่างๆ สนามหญ้าหลังบ้าน หรือหน้าบ้านเล็กๆ
อาจจะลองนำเอาเมล็ดพันธุ์ ผักปลอด ส า ร พิ ษ ต่างๆไป ปลูกดูดั่งคำพูดที่ว่า
กินทุก อ ย่ า ง ที่ปลูก และปลูกทุก อ ย่ า ง ที่กิน จะช่วยให้เราประหยัด
ไม่ต้องซื้อผักจากตลาด แถมยังจะได้ผักที่สดสะอาดมั่นใจได้ว่าปลอด ภั ย
เพราะเราปลูกด้วยตนเอง แต่ถ้าใครที่อยู่บ้านเช่าตึกแถว คอนโด อาพาต์เม้น ต่างๆ
อาจจะไม่ค่อยมีพื้น ที่สักเท่าไหร่แนะนำให้ลอง หาอะไรมาดัดแปล ง
เป็นกระบะหรือกระถาง ใส่ดิน ปลูกผักห้อยวางตาม ระเบียงเพียงเท่านี้
ก็จะได้ผักสวนครัว แบบกระถางห้อย กินได้แล้วครับ
4 หารายได้เสริม
จากวันว่างหรือวันหยุด สุดสัปดาห์ช่วยๆกันในครอบครัวครับ พ่อ แม่ ลูก
ลองคิดว่าจะช่วยกันทำ อ ย่ า ง ไร เพื่อให้มีรายรับเพิ่มเข้ามา อาจจะช่วยกัน
ทำขนมหรือทำอาหารนำ ผักที่ปลูกไปขายที่ตลาด หรือคุณแม่บ้าน
อาจจะมีอาชีพเสริม เช่น การเย็บปักถักร้อย ทำตุ๊กตา ทำงานฝีมือแล้วให้ลูกๆ
ช่วยเรื่องการถ่ายภาพ จัดตกแต่ง ลงโพสต์ขายใน อ อ นไ ล น์ ต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริม อีกมายมายที่ ให้เลือกตามความถนัด
และตามความสามารถ ของแต่ละคน อ ย่ า ง รับสอนพิเศษ
รับเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ นักแปลภาษาเป็นไกด์ทัวร์
นำเที่ยวช่วง เทศกาลและวันหยุด ฯลฯ เป็นต้น
5 ติ ด ตามส่วนลด โปรโมชั่นดีดี
ถ้าจะซื้ออะไรสัก อ ย่ า ง แล้วเลือกซื้อที่มีรายการส่วนลดด้วยนั้น จะช่วยเซฟเงิน
ในกระเป๋าของเราได้บ้าง หรือถ้าใครที่ใช้จ่าย ผ่ า น บั ต ร เ ค ร ดิ ต
เป็นประจำ ก็จะมีโปรโมชั่น เสริมต่างๆมากมาย เช่นสะสมคะแนน
เพื่อแลกรับของ รางวัลและส่วนลด ฟรีค่าที่พักค่าเดินทางค่าเครื่องบิน
ตามแต่ละประเภท ของบัตรและสินค้า ที่ร่วมรายการ
6 ทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน
หลายคนอาจจะคิดว่า การทำบัญชีนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย ที่จริงแล้ว
มีผลนะบัญชีทำให้เรารู้ว่า เรามีรายรับอะไรเท่าไหร่บ้าง มีรายจ่ายหมดไปกับ
สินค้าบริการประเภทไหน บ้างและเรามีภาระ ที่ต้องชำระค่าอะไรบ้าง
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือน เครื่องเตือนสติไม่ให้ เราใช้จ่ายเงินจนเกินตัว
โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เมื่อเราเห็นภาพรวม ของการเงินของเราแล้ว
ก็จะทำให้เรามี การวางแผนทางการเงินที่ดีขึ้นได้โดย เฉพาะใครที่ อ ย า ก มีเงินออม
ตอนสิ้นเดือนทุกๆเดือนแล้วล่ะ ก็ อ ย่ า ลืมจดบันทึกและแบ่งเงิน เก็บออมไว้เพื่ออนาคตกันบ้างนะ
7 สร้างนิสัยรักการเก็บออม
สำหรับผมแล้ว เป็นคนที่ชอบออมเงิน และมีวิธีการในการออมดังนี้ครับ
ถ้ามีรายได้เข้ามา ผมจะแบ่งเก็บออมไว้เลย 10-20 % จากนั้น เวลาที่เราได้รับเงิน
โบนัสหรือส่วนลดเมื่อ ซื้อสินค้ารายได้เสริม และรายได้พิเศษต่างๆ ผมก็จะเก็บไว้
เป็นเงินออม และเป็นเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายใน ย า ม ฉุ ก เ ฉิ น ครับแรกๆ
มันก็อาจจะ ย า ก นิดหน่อย ตรงที่เราต้องมีสติควบคุ มจิตใจของตนเอง
และมีวินัยในการใช้เงินมากขึ้น แต่พอทำไปสักพักเราก็จะเริ่ม ติ ด เป็นนิสัย
จนทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่อง ย า ก อีกต่อไป
ขอขอบคุณที่มา pa r ama01, create-readingth